FAQ                              

 

 
ถามมา   ตอบไป    ถามไป    ตอบมา

vv vv

รายวิชาบังคับ 

2011701     seminarI                                                                 1(1-0-3)

2011702     seminarII                                                               1(1-0-3)

3000719     Cell & Molecular Biology                                        3(3-0-9)

2011828     Dissertation* แบ่งหน่วยกิตลงจนครบกำหนด ในเวลา 3-5 ปี

2011894     Doc Dissertation seminar* ลงในเทอมที่ไม่ลงสัมมนา

  รายวิชาที่น่าสนใจ

 3001727       Special research project in molecular genetic    3(0-9-3)

3001728       Special research project in molecular biology     3(0-9-3)

3001730       Special topics in molecular genetic research       1(1-0-3)

3001734       Human & molecular genetics                                2(2-0-6)

3001705       General human genetics                                       2(2-0-6)

3000712       Research instrumentation                                   2(2-0-6)

การขออนุมัติโครงร่างวิทยานิพนธ์/อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ และ กรรมการสอบวิทยานิพนธ์ สำหรับนิสิตระดับดุษฎีบัณฑิต

  1. เสนอคณะอนุกรรมการบัณฑิตศึกษาสหสาขาวิชาฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบโครงร่างวิทยานิพนธ์ (นิสิตระดับดุษฎีบัณฑิต)

  2. เสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคนและสัตว์ทดลอง

  3. เสนอขออนุมัติโครงร่างวิทยานิพนธ์ ฉบับที่แก้ไขตามมติของคณะกรรมการในข้อที่ 1-2 แล้ว ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารหลักสูตรสหสาขาวิชาฯ (ผอ.เป็นผู้นำเสนอ) ทั้งนี้ ขอให้ส่งโครงร่างวิทยานิพนธ์และสำเนาแบบอนุมัติโครงร่างวิทยานิพนธ์ (เอกสารหมายเลข 1) ให้กรรมการฯ พิจารณาล่วงหน้าก่อนวันประชุม

  4. เมื่อได้รับอนุมัติโครงร่างวิทยานิพนธ์จากกรรมการในข้อ 2-3 แล้ว ให้ส่งแบบเสนอขออนุมัติโครงร่างวิทยานิพนธ์ (ต้นฉบับ) มาที่บัณฑิตวิทยาลัย เพื่อให้งานมาตรฐานการศึกษาทำประกาศหัวข้อวิทยานิพนธ์ (ป.เอกต้องได้รับอนุมัติหัวข้อภายใน 3 ปี การศึกษานับแต่ภาคการศึกษาแรกที่เข้าศึกษา)

  5. กรรมการสอบวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 5 แต่ไม่เกิน 7 ท่าน (ต้องมีกรรมการจากภายนอก ม. ที่ไม่ใช่ อ.ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม อย่างน้อย 1 ท่าน)

  6. เมื่อนิสิตทำวิทยานิพนธ์เสร็จ ให้ส่งวิทยานิพนธ์ที่ได้รับความเห็นชอบจาก อ.ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ที่งานมาตรฐานการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 3 เพื่อตรวจรูปแบบก่อนยื่นคำร้องขอนัดสอบวิทยานิพนธ์อย่างน้อย 1 สัปดาห์

  7. ให้นิสิตยื่นคำร้องขอนัดสอบวิทยานิพนธ์ (เอกสารหมายเลข 2) ที่งานมาตรฐานการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย ก่อนวันสอบอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ต้องได้รับความเห็นชอบจาก อ.ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ด้วย

  8. รายละเอียดอื่นๆ ดังระเบียบจุฬาฯ ว่าด้วยการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา พ.ศ. 2542 ข้อ 27 หน้า 24-27

  9. วิธีการสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์

    1. ส่งรายชื่อคณะกรรมการสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์ ได้ที่หลักสูตรชีวเวชศาสตร์ (น.ส.ขวัญตา  ปานรักษา)

    2. ส่งหัวข้อโครงร่างวิทยานิพนธ์ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วันและเวลา สถานที่ ในการสอบ  โดยระบุด้วยว่าโครงร่างวิทยานิพนธ์ต้องผ่านคณะกรรมการจริยธรรมหรือไม่ (ก่อนสอบ 2 อาทิตย์)

    3.  นิสิตนำผลสอบพร้อมด้วยโครงร่างวิทยานิพนธ์ให้แก่ทางหลักสูตรฯ ดำเนินการต่อไป

  10.  วิธีสอบวิทยานิพนธ์

    1. เขียนใบคำร้องขอสอบวิทยานิพนธ์  (ขอใบคำรองได้ที่หลักสูตร)

    2.  นำไปยื่นได้ที่บัณฑิตวิทยาลัย หลังจากนั้นทางบัณฑิตวิทยาลัย จะเป็นผู้ดำเนินการให้

 เกณฑ์ในการสอบวัดคุณสมบัติ สำหรับนิสิตระดับดุษฎีบัณฑิต

  1. นิสิตต้องสอบวัดคุณสมบัติให้ผ่านภายใน 2 ปีการศึกษา นับแต่ภาคการศึกษาแรกที่เข้าศึกษา

  2. มีสิทธิ์สอบได้ ครั้ง (หากได้ U2 ครั้ง จะถือว่าพ้นสภาพนิสิต)

  3. การสอบวัดคุณสมบัติประกอบด้วย การสอบข้อเขียนและการสอบปากเปล่า

  4. กรรมการสอบวัดคุณสมบัติ ประกอบด้วยกรรมการไม่น้อยกว่า 3 แต่ไม่เกิน 5 ท่าน (กรรมการภายนอกไม่เกิน 2 ท่าน)

  5. กรรมการสอบวัดคุณสมบัติ ประกอบด้วยกรรมการไม่น้อยกว่า 3 แต่ไม่เกิน 5 ท่าน (กรรมการภายนอกไม่เกิน 2 ท่าน)

  6. รายละเอียดอื่น ๆ ดังระเบียบจุฬาฯ ว่าด้วยการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา พ.ศ. 2542 ข้อ 26 หน้า 20

 

  วิธีการสอบวัดคุณสมบัติ (Qualifying examination) ชีวเวชศาสตร์

  1. นิสิตเชิญผู้ทรงคุณวุฒิโดยคำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อเป็นกรรมการสอบ 3-5 ท่าน

  2. นิสิตส่งชื่อคณะกรรมการสอบให้แก่หลักสูตรเพื่อทำจดหมายเชิญและทำหนังสือแต่งตั้ง ก่อนสอบ (ส่งได้ที่ น.ส.ขวัญตา ปานรักษา โทรศัพท์ 01-5506169 e-mail art_khaun@hotmail.com)

  3. นิสิตลงทะเบียนสอบ

  4. นิสิตเขียนบทคัดย่อเป็นภาษาอังกฤษ 2 เรื่อง โดยบทคัดย่อประกอบด้วย ชื่อเรื่อง เนื้อหา research questions, hypothesis,objectives, conceptual framework, and references. โดยมีความยาวไม่เกิน 3 หน้ากระดาษ และเฉพาะส่วนเนื้อหา ไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ

  5. นิสิตนำส่งบทคัดย่อพร้อมใบตรวจให้แก่คณะกรรมการสอบและเจ้าหน้าที่ของหลักสูตร (electronic file เพื่อจัดเก็บในประวัติ) นิสิตนำส่งผลการตรวจให้แก่ผู้อำนวยการหลักสูตร

  6. นิสิตนำส่งผลการตรวจให้แก่ผู้อำนวยการหลักสูตร

    1. นิสิตสอบผ่านในขั้นตอนนี้ถ้าคณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นชอบ

    2. ในกรณีที่ผลการสอบผ่าน นิสิตจะนำบทคัดย่อที่ได้รับเลือกด้วยเสียงส่วนใหญ่เพื่อเขียนเป็น full proposal สำหรับสอบ qualifying examination

    3. ในกรณีที่ผลการสอบผ่านแต่บทคัดย่อได้รับเลือกในจำนวนที่เท่ากัน ให้นิสิตเลือกเรื่องใดเรื่องหนึ่งเอง

    4. ในกรณีที่ผลการสอบไม่ผ่าน ให้นิสิตเริ่มการสอบใหม่โดยการปรับปรุงบทคัดย่อ

  7. นิสิตแจ้งผลการสอบให้แก่คณะกรรมการสอบและนัดหมายเวลาสอบ oral qualifying examination กับคณะกรรมการสอบ และแจ้งให้แก่เจ้าหน้าที่ของหลักสูตร (electronic file เพื่อจัดเก็บในประวัติ) ก่อนสอบ 2 อาทิตย์

  8. นิสิตเตรียมสอบ written qualifying examination โดยนำบทคัดย่อมาเขียนเป็น full proposal ประกอบด้วย

    1. ชื่อเรื่อง

    2. ชื่อผู้เสนอ proposal

    3. แขนงวิชาของผู้เสนอ

    4. รายชื่อคณะกรรมการสอบ

    5. บทคัดย่อ

    6. บทนำ ประกอบด้วย คำถามและสมมุติฐานของงานวิจัย นิสิตอธิบายความรู้ที่มีมาก่อน ตั้งคำถามและสมมุติฐาน และวิเคราะห์ที่มา โดยคำนึงถึง innovation และ impact ขององค์ความรู้ที่จะเกิดขึ้นถ้าสมมุติฐานได้รับการพิสูจน์

    7. วิธีการวิจัยและคาดหวังผลการทดลองประกอบด้วย วิธีการและขั้นตอนของการวิจัย นิสิตควรให้หลักการของวิธีการวิจัย เหตุผลของการเลือกเทคนิคนั้นๆมาใช้ในการศึกษา วิธีการแปลผลการทดลอง และผลการทดลองที่คาดหวัง

    8. Conceptual framework – สรุป 8.5-8.6 เป็น flow chart

    9. Discussion – นิสิตวิเคราะห์ทฤษฎีจากผลการทดลองที่คาดหวังในทางที่เป็นและไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทางแก้ไข และ เนื้อหาอื่นๆเพิ่มเติม

    10. สรุป

    11. References

  9. นิสิตส่งให้คณะกรรมการสอบเพื่อพิจารณาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนสอบ oral qualifying examination

  10. นิสิตสอบ oral qualifying examination โดยคณะกรรมการจะสอบถามทั้งจาก proposal และความรู้ทั่วไปในแขนงวิชาของผู้สอบ

  11. นิสิตนำใบผลการสอบให้แก่ทางหลักสูตร (น.ส.ขวัญตา  ปานรักษา)

  12. ในกรณีที่สอบไม่ผ่านให้ทางคณะกรรมการสอบพิจารณาว่าจะให้สอบใหม่ในขั้นตอนใด บทคัดย่อ written หรือ oral นิสิตสามารถสอบแก้ตัวได้ 1 ครั้ง

  ต้องทำ seminar ทุกเทอมหรือปล่าว

ต้องทำ seminar ทุกเทอม โดยเทอม 1 และ 2 ของปีแรก จะต้องลง seminar I & II, หลังจากปีแรก จะเป็น desertation seminar ซึ่งก็คือการนำ thesis ตัวเองมา present คล้ายๆ กับการ progress thesis ตัวเอง

  ใช้ภาษาอะไรในการ present

present
และถามตอบเป็นภาษาอังกฤษ

  เลือก paper ที่จะ present อย่างไร

paper
ที่เลือก ควรมาจาก journal ที่มี impact factor มากกว่า 10 ตัวอย่างเช่น Nature, Science, Cell, New England.. etc. เหตุผลที่กำหนดเช่นนี้ คือ paper เหล่านี้ เป็น paper ที่มีมาตรฐานสูง และมีหัวข้องานวิจัยที่น่าสนใจ, มีหลายๆ การทดลองที่เหมาะกับการ discussion ในห้อง seminar หากคิดว่าหา paper ที่เหมาะกับตัวเองไม่ได้ (ที่มี IF > 10) ก็ให้ลองปรึกษากับ อ. ที่ปรึกษาก่อน ว่าเหมาะกับการ present หรือไม่

paper
ที่เลือก ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับหัวข้อวิทยานิพนธ์ เพื่อเป็นการพัฒนาตัวเองให้มีความรู้หลากหลาย (อาจสอดคล้องก็ได้ แต่ขอให้มีอะไร ที่แตกต่างบ้าง)

  ต้องเชิญใครบ้าง หรือประกาศอย่างไร

ท่านแรกที่ควรจะเข้า คือ อ. ที่ปรึกษาตัวเอง เพื่อเป็นผู้ดำเนินการ seminar และ comment ชี้แนะ จากนั้นอาจเชิญ อ. ผู้มีความรู้ในหัวข้อสัมมนานั้นๆ (เช่น หาก seminar เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า อาจเรียนเชิญ อ. ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา เป็นต้น)และอาจเชิญ อ. อภิวัฒน์ เพื่อร่วมฟังได้ โดยควรนัดเวลา อ. ล่วงหน้า นานๆ เนื่องจาก อ. หลายท่าน ค่อนข้างมีเวลาว่างน้อย

ประกาศโดยการติด board (A4) ให้ระบุชื่อนิสิต, อ. ที่ปรึกษา, ชั้นปี, หัวข้อ seminar, วันเวลา, สถานที่ โดยติดหน้าห้อง seminar และตามตึกต่างๆ และควรส่ง mail บอกนิสิตทุกคน รวมทั้ง post ใน web board แห่งนี้ ควรบอกล่วงหน้า อย่างน้อย 1 สัปดาห์ และเช็คห้อง + LCD projector ว่าว่างหรือเปล่า

  ห้อง seminar อยู่ที่ไหน

ปกติจะสัมมนาห้อง 706 ชั้น 7 อาครแพทยพัฒน์

เครื่อง LCD+Computer สามารถติดต่อขอยืมใช้กับ Ta ที่รับผิดชอบในปีนั้นๆ ที่ห้องพักนิสิตหลักสูตรสหสาขาวิชาชีวเวชศาสตร์ ห้อง 706 ชั้น 7 อาครแพทยพัฒน์